ยินดีต้อนรับสู่ SLOW SET TRADE

Wednesday, December 23, 2009

ข้อสรุปเบื้องต้นในการเล่นหุ้น

การเล่นหุ้นแบ่งเป็น 3 แบบ

1. การเล่นแบบเก็งกำไร
2. การเล่นแบบลงทุนระยะยาว
3. การเล่นแบบหุ้นห่านทองคำ



เราจะมา focus ที่การเล่นแบบหุ้นห่านทองคำ ซึ่งมีปัจจัยหลัก 2 ปัจจัย ได้แก่

1. ปัจจัยภายนอก
2. ปัจจัยภายใน

ปัจจัยภายนอก ได้แก่ ข่าวสารที่จะมีผลกระทบกับหุ้นที่เราถือครอง

ปัจจัยภายใน จะคำนึงถึง parameter ได้แก่

- P/E ความถูกแพงของหุ้น
- P/B
- % ผลตอบแทนการลงทุน ถ้าสูงเกิน 10% ถือเป็นหุ้นดี ถ้าต่ำกว่าให้ดูอัตราการเติบโตของบริษัทควบคู่ไปด้วย
- ค่า ผลตอบแทนต่อทรัพย์สิน (กำไรสุทธิ/ทรัพย์สินรวม) ROA ถ้าสูงขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่าดี
- gross margin อัตรากำไรขั้นต้น
- S & A ค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหาร ไม่ควรเกิน 10%
- กำไรจากการดำเนินงาน (gross margin - S&A) ควรเกิน 10%
- CEO เป็นคนดี มีคุณธรรม บริหารงานโปร่งใส
- หนี้สิน ต่อ ทรัพย์สิน ไม่ควรเกิน 0.5 เท่า

ปัจจัยภายในดูได้จากตัวเลข แต่ปัจจัยภายนอกควบคุมยาก.. ควรดูอย่างรอบด้าน เพื่อให้หุ้นของเราเป็น "หุ้นห่านทองคำ"..

...

Downgrade to underweight from trading sell with new 740 index target for end-2010

Politics still the main risk in 2010.


With former Prime Minister Thaksin''''''''s THB. 76000 asset-confiscation case approching the final stage. Believing that he might step up efforts to topple the government. This would heighten political risks. Conflicts amoung coallition partners may threaten goverment stability.

Believing that the Democrat Party could call for General election in late 2010 to early 2011.

Mab Ta Put court case could drag on for some time.

Foreign Fund inflows should continue as long as the global economic recovery is intact and there is no worsening in the Thai political situation. Howerver, the inflows are not likely to be as high as in 2009. This is because the market is not as cheap as it was in 2009.
Tuesday, December 22, 2009

ก้าวแรกสู่การลงทุนแบบ VI : ลงทุนอย่างจอห์น เนฟฟ์

ออกตัวไว้ก่อนว่าตัวเองไม่ใช่เซียน VI... เป็นเพียงผู้สนใจศึกษาการลงทุนในรูปแบบนี้ และพอจะมีประสบการณ์กับการลงทุนในรูปแบบนี้อยู่บ้าง



โดยปกติเวลามีเพื่อนนลท. หน้าใหม่ มาขอคำปรึกษาเรื่องหลักการลงทุน ผมก็มักจะแนะนำให้ศึกษาจากตำราของทั้งฟากเทคนิค และฟากแวลู จากนั้นให้ลองเทรดดูว่าระบบการเทรดแบบไหนที่เหมาะกับตัวเรามากที่สุด


แต่ปัญหาที่ผมได้พบเสมอๆ ก็คือ เพื่อนนลท.หน้าใหม่เหล่านั้น มักจะกลับมาบ่นอยู่เสมอๆ ว่า การลงทุนแบบแวลูนั้นยาก และต้องใช้ความรู้ความเข้าใจในหลายๆ เรื่อง ทั้งการมองธุรกิจ บัญชี เศรษฐกิจมหภาค ทำให้เพื่อนนลท.หน้าใหม่เหล่านั้น มักจะหมดความพยายามในการที่จะศึกษา และทำความเข้าใจ เกี่ยวกับการลงทุนในแนวนี้


ที่จริง”หลักการ”ของการลงทุนแบบแวลูนั้นง่าย เพียงแค่ท่านซื้อกิจการของบริษัทในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าของมัน เท่านี้ก็นับเป็นการลงทุนแบบแวลูแล้ว


แต่จากหลักการข้างต้น ก็ได้มีการพัฒนา”แนวทาง”ในการประยุกต์หลักการข้างต้นมาอีกมากมาย


แนวทางหนึ่ง ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นกระแสหลักของการลงทุนแบบแวลูในปัจจุบัน คือแนวทางของ วอร์เรน บัฟเฟต์ ที่เน้น ในเรื่องของคุณภาพของกิจการ... เพราะบัฟเฟต์เชื่อว่า กิจการที่มียอดเยี่ยม มีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยืน และมีผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถร่วมกับมีธรรมาภิบาลที่ดี ย่อมต่อยอดสะสม”มูลค่า”ของกิจการให้เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ได้อย่างไม่มีขีดกำจัด


คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าแนวทางของบัฟเฟต์นั้นยอดเยี่ยมเพียงใด แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาของแนวทางการลงทุนอย่างบัฟเฟต์ จำเป็นต้องใช้ความรู้ ความเข้าใจในหลายเรื่องๆ รวมทั้งการมองธุรกิจในระยะยาวอย่างแม่นยำ ซึ่งก็มักจะเป็นปัญหากับนลท.หน้าใหม่ ดังที่ผมเรียนไว้ข้างต้น


ผมเลยมาลองคิดดูว่า มีแนวทางการลงทุนแบบแวลู ที่ลดความซับซ้อน และไม่ต้องอาศัยความเข้าใจในศาสตร์ทางธุรกิจมากมายอะไรขนาดนั้นไหม เพื่อที่จะเป็นก้าวแรกของนลท. ที่สนใจการลงทุนแบบแวลู


เมื่อนึกถึงแนวทางการลงทุนแบบแวลู ที่ไม่ต้องสนใจความเป็นไปทางธุรกิจ หรือต้องมาสนใจงบการเงินมากมายนัก ผมนึกถึงการลงทุนแบบเบน เกรแฮม ( ซึ่งเป็นอาจารย์ของบัฟเฟต์อีกที ) และ จอห์น เนฟ


แต่อย่างไรก็ดีการลงทุนแบบเกรแฮม ออกจะสุดโต่งไปสักหน่อย ( ในทัศนะของผมเอง ) เนื่องจากเกรแฮม แทบจะไม่ให้ ความสำคัญกับตัวธุรกิจเลย ซึ่งเกรแฮมเองก็ยอมรับจุดบอดจุดนี้ในกลยุทธ์ของตัวเอง เกรแฮมจึงพยายามกระจายการถือครองหุ้นในหลายๆ ตัวในพอร์ตโฟลิโอ รวมทั้งกำจัดหุ้น”ถูกเรื้อรัง” ด้วยการขายหุ้นที่ถือครองแล้วราคาไม่ไปไหนเกินสองปี


ผมจึงสนใจการลงทุนในแบบของเนฟฟ์มากกว่า เพราะแม้เนฟฟ์จะเน้นที่ราคาของหุ้นที่ถูกมากๆ เช่นเดียวกับเกรแฮม แต่เนฟฟ์ก็ยังให้ความสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจ

จัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยบิ๊กแลนด์แอนด์เฮ้าส์แชมป์7สมัยติด ตระกูลชินวัตรรวยขึ้น588ล.พุ่ง38

วารสาร การเงินธนาคารจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2552 เจ้าของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ครองแชมป์ประเภทบุคคลสมัยที่ 7 ติดต่อกัน ขณะที่ "มาลีนนท์" คว้าอันดับ 1 ประเภทตระกูล ครอบครัวชินวัตรของอดีตนายกฯรวยขึ้น 588 ล้านขยับจาก 48 ขึ้น 38


เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2552 ได้จัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2552 โดยภาพรวมของเศรษฐีหุ้นในปี 2552 วัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2552 จำนวน 5,095 ราย มีมูลค่าหุ้นที่ถือครองรวมทั้งสิ้น 454,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ถึง 56,559 ล้านบาท หรือ 14.21% ซึ่งดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 120.13 จุด จากปี 2551 โดยปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 717.07 จุด เพิ่มขึ้น 20.12% ส่งผลให้ความมั่งคั่งของเศรษฐีหุ้นไทยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 56,000 ล้านบาท ในปีนี้

ผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทย ปรากฏว่าตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยประจำปี 2552 ยังคงเป็นนายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) โดยถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุดรวม 15,967.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,309.90 ล้านบาท หรือ 8.94% ประกอบด้วยหุ้นแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) 23.76% และบริษัท แมนดาริน โฮเต็ล (MANRIN) 1.67% ส่งผลให้นายอนันต์ครองแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 7 ซึ่งเป็นสถิติการครองแชมป์สูงสุดในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทย

อันดับ 2 ได้แก่ นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท หรือ PS ที่ยังรักษาตำแหน่งเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ปีนี้ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 15,830.43 ล้านบาท จากการถือหุ้น PS ในสัดส่วน 61.60% รวยเพิ่มขึ้น 6,231.27 ล้านบาท หรือ 64.91% ขณะที่นายนิติ โอสถานุเคราะห์ ทายาทนายสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ เจ้าของบริษัท โอสถสภา ก้าวขึ้นมาเป็นเศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ในปีนี้ จากปีก่อนหน้าอยู่ที่อับดับ 5 โดยปีนี้นายนิติลงทุนในหุ้นทั้งหมด 15 บริษัท รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 5,733.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,361.09 ล้านบาท หรือ 31.13%

ส่วนเศรษฐีหุ้นหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาติดทำเนียบปีนี้เป็นครั้งแรก ได้แก่ นายวรวิทย์ วีรบวรพงศ์ เจ้าของสยามแก๊ส หรือที่คุ้นเคยกันในนาม ?เถ้าแก่โบ๊เบ๊? ที่นำบริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา โดยนายวรวิทย์ถือหุ้น SGP 54.13% รวมมูลค่า 4,319.70 ล้านบาท

ส่วนทางด้านตระกูลเศรษฐีไทย ปรากฏว่าตระกูลมาลีนนท์ ครองแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทย ตามด้วยตระกูลอัศวโภคิน และตระกูลวิจิตรพงศ์พันธุ์ ส่วนอันดับ 4 ได้แก่ ตระกูลจิราธิวัฒน์ เจ้าของเครือเซ็นทรัล ซึ่งมีเครือญาติในตระกูลที่ติดอันดับเศรษฐีหุ้นมากที่สุดถึง 25 คน


สำหรับตระกูลชินวัตรของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก้าวขึ้นจากอันดับ 48 มาอยู่อันดับ 38 ในปีนี้ โดยรวยขึ้น 588.81 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 43% ซึ่งคงเหลือแค่ลูกสาวคนโต น.ส.พินทองทา ชินวัตร (เอม) และลูกสาวคนสุดท้อง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊ง) เท่านั้นที่ยังคงติดอยู่ในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทย โดย น.ส.แพทองธารอยู่ในอันดับ 78 ถือหุ้นบริษัท เอสซี แอสเซท (SC) 29.13% มูลค่า 981.72 ล้านบาท และ น.ส.พินทองทาอยู่ในอันดับ 79 ถือหุ้น SC 28.97% มูลค่า 976.40 ล้านบาท รวมมูลค่าหุ้นที่สองสาวถือครองทั้งสิ้น 1,958.12 ล้านบาท

แลนด์แอนด์เฮ้าส์- ราคาหุ้นจะไปต่อได้แค่ไหน?

LH -แนวทางการลงทุน: ราคาหุ้น LH ปรับตัวสูงขึ้น 18% MoM ซึ่งเรามองว่าเป็นการปรับตัวขึ้นสู่แนวต้านที่สำคัญ โดยคำถามคือว่าหุ้นจะสามารถเพิ่มขึ้นได้มากอีกเท่าใด? ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบข้อมูลการซื้อขายในอดีตของบริษัทกับ SET เรามองว่าราคาหุ้นน่าจะปรับตัวได้สูงสุดที่ 3.90 บาท คิดกลับเป็น upside gain เพียง 14% จากราคาปัจจุบัน ซึ่งเรามองว่าเมื่อเทียบกับการ trade-off ระหว่างปัจจัยพื้นฐาน-ความเสี่ยงและผลตอบแทนของ LH แล้ว ก็มิได้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าดึงดูดมากนัก สำคัญคือเรามองว่าความเสี่ยงของกำไรมีสูง เนื่องจากยอดขายคอนโดมิเนียมรอรับรู้รายได้คิดเป็นเพียง 13% ของประมาณการรายได้ปี 2552 ของเรา ขณะที่ราคาที่ปรับตัวขึ้นในปัจจุบัน ทำให้เรามองว่าเป็นโอกาสทำกำไรในระยะสั้น เนื่องจากปัจจุบันมูลค่า LH ซื้อขายที่ premium สูงกว่า SET มากในขณะที่กำไรจะอ่อนตัวลงกว่าตลาดมาก (PBV ปี 2552 ของ SET อยู่ที่ 0.96 เท่า, เราคาดกำไรทรงตัว ส่วน PBV ของ LH อยู่ที่ 1.31 เท่าแต่เราคาดกำไรปรับลดลง 12%)


เรามองว่าราคาที่ควรเข้าซื้อหุ้นอย่างปลอดภัยควรต่ำกว่า 3.00 บาท (มูลค่าตาม PBV ช่วงขาลงในปี 2541 ของ LH) ราคาเป้าหมายปี 2552 ของเรายังคงอยู่ที่ 4.10 บาท คำนวณตามวิธี sum-of-the-parts ด้วย เป้า PER 14 เท่า (ค่าเฉลี่ยระยะยาว) และมูลค่าจากการลงทุน 1.1 บาท/หุ้น (คิดลด 30% จากมูลค่าตลาด)

หุ้นควรไปได้ไกลแค่ไหน? จากช่วงการซื้อขายตั้งแต่ปี 2551 เราคาดราคา LH น่าจะไปได้ไกลมากสุดที่ 3.90 บาท คิดเป็น PBV premium 53% เมื่อเทียบกับ PBV SET ณ สิ้นปี 2551 (premium ต่ำสุดของ LH อยู่ที่ 16% ในเดือน พ.ย. 51) โดยเราอ้างอิงด้วย PBV ของเป้าหมาย SET ที่ 1.0 เท่าสำหรับปี 2552 เพื่อใช้เป็นดัชนีอ้างอิงในการคำนวณราคา LH

กำไรสุทธิ 1H52 อยู่ที่ 1,747ล้านบาท ลดลง 1%YoY มาจากรายได้ที่ลดลง 8%YoY

บริษัทประกาศกำไรสุทธิ 2Q52 ที่ 1,103ล้านบาทเพิ่มขึ้น 71%QoQ แต่ลดลง1.1%YoYเติบโตจากการรับรู้รายได้คอนโดมีเนียมและแนวราบ พร้อมทั้งกำไรจากเงินลงทุน ที่เพิ่มขึ้น


รายได้จากการขายและบริหาร 4,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60%QoQ แต่ทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมีเนียม The Room รัชดา-ลาดพร้าว 968 ล้านบาทหรือคิดเป็นสัดส่วน ประมาณ 32% ของมูลค่าโครงการรวมที่ 2,995 ล้านบาท จากยอดขายที่ปรับดีขึ้นตามความมั่นใจของผู้บริโภคที่กลับมาทำให้มียอดขายแนวราบ 3,663ล้านบาทเพิ่มขึ้น 36%QoQโดยรับรู้รายได้มาจากโครงการเก่า 75% และมาจากโครงการใหม่ 35%

อัตรากำไรขั้นต้น 31.50% ปรับดีขึ้น เมื่อเทียบกับ 1Q52 ที่ 29.8%หลังมีการรับรู้รายได้ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากโครงการคอนโดมีเนียมที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่มากกว่า 30%และอัตรากำไรขั้นต้นของทาวน์เฮาส์ที่ปรับเพิ่ม

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 407ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%QoQ และเพิ่มขึ้น 10%YoYมาจากการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น และขณะเดียวกัน 2Q52 เปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ ซึ่งเมื่อเทียบกับยอดขาย มี SG&A/Sale 8% ลดลงเมื่อเทียบกับรายไตรมาสแต่ทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

กำไรจากเงินลงทุน 300ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33%QoQ และ 29%YoY มาจากผลประกอบการที่ปรับดีขึ้นจาก LH Bank และ Polar Property รวมถึง KH HMPRO และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง QH


ที่มา:บล.เกียรตินาคิน

LH : แนวโน้มกำไรจะอยู่ในขาลง

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2551-2553 ในอัตรา 9%, 12% และ 8% ตามลำดับ : เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2551-2553 ในอัตรา 9%, 12% และ 8% ตามลำดับ



เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2551-2553 ในอัตรา 9%, 12% และ 8% ตามลำดับเพื่อสะท้อนอุปสงค์ที่อยู่อาศัยที่อ่อนตัวลงกว่าคาด โดยรายได้ใน 4Q51 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.4 พันล้านบาทแม้จะมีส่วนแบ่งรายได้เกือบ 1 พันล้านบาทจากโครงการคอนโดมิเนียมสองโครงการ (THE BANGKOK SATHORN-TAKSIN 800 ล้านบาทและ THE ROOM SUKHUMVIT 64 200 ล้านบาท) ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากรายได้ของโครงการแนวราบที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (FIGURE 1&2) ดังนั้นเพื่อคงมุมมองเชิงอนุรักษนิยม

เราจึงปรับลดประมาณการรายได้ในปี 2551-2553 ในอัตรา 8-21% ทั้งนี้รายได้ที่ลดลงมีผลให้ความได้เปรียบทางการแข่งขันจากการประหยัดต่อขนาดของ LH ลดลงทำให้คาดว่าอัตราส่วน SG&A ต่อยอดขายจะสูงขึ้น แม้ว่าเราจะรวมประโยชน์จากการยืดอายุมาตรการลดภาษีของรัฐไว้ในประมาณการของเราแล้ว นอกจากนี้อัตรากำไรขั้นต้นของ LH ยังมี DOWNSIDE RISK เพราะอำนาจต่อรองเปลี่ยนไปอยู่ในมือของผู้ซื้อบ้าน (FIGURE 3)

ผลกำไร 1Q52 จะเป็นจุดต่ำสุดของ CYCLE นี้ : ในฐานะที่ LH เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบ PRE-BUILD จึงมี BACKLOG อยู่ในระดับต่ำมาก (ประมาณ 1 พันล้านบาท) และไม่เพียงพอผลักดันรายได้ให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วงที่ PRE-SALES อ่อนตัว และเนื่องจากเราคาดว่าแนวโน้มดังกล่าวจะต่อเนื่องไปจนถึง 1H52 ประกอบกับ LH มีแผนจะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมมูลค่า 2.5 พันล้านบาทที่ลาดพร้าว 32 ใน 2Q52 บริษัทจึงจะมีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยจากโครงการคอนโดมิเนียมคงค้างเหลือไม่มากนักและไม่พอชดเชยรายได้จากโครงการแนวราบที่คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องใน 1Q52 ดังนั้นเราจึงมองว่ารายได้ของ LH จะลดลงอีกใน 1Q52 ส่งผลให้คาดว่ากำไรอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี

เราคาดการฟื้นตัวจะเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป : เราคาดว่า PRE-SALES โครงการแนวราบของ LH จะเริ่มฟื้นตัวจาก 2Q52 เป็นต้นไปเพราะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการลงทุนที่ดีขึ้นจากการประกาศมาตรการของรัฐบาลใหม่ นอกจากนี้โครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ที่ลาดพร้าว 32 ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวและโอนกรรมสิทธิ์ใน 2Q52 (ยอดจองอย่างไม่เป็นทางการ 75%) มาตรการลดภาษีของที่อยู่อาศัยใหม่ (มีผลบังคับใช้ปี 2552) อัตราดอกเบี้ยขาลงและมูลค่าของโครงการใหม่ในปี 2552 ที่เพิ่มขึ้น 33% YOY น่าจะเป็นปัจจัยผลักดันรายได้ที่แข็งแกร่ง (FIGURE 1) อย่างไรก็ตาม เรายังคงเชื่อว่ารายได้จะทยอยเข้ามาแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั้งของไทยและทั่วโลก ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ LH ใช้นโยบายการบริหารสินค้าคงเหลือให้อยู่ในระดับต่ำ (บริหารเป็น 2 เดือนจากเดิม 3 เดือน) และตั้งงบลงทุนแบบอนุรักษนิยม

คงคำแนะนำ NEUTRAL หุ้น LH โดยเราเลือก AP และ SPALI เป็น TOP PICK ของกลุ่ม : เราชอบ LH เพราะมีงบดุลแข็งแกร่ง (อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิอยู่ที่ 0.56 เท่าใน 3Q51) ที่ตั้งโครงการกระจายตัวซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในทำเลทองของกรุงเทพฯ และจังหวัดใหญ่ๆ รวมทั้งมีแบรนด์เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในการพัฒนาอสังหาฯ มานาน นอกจากนี้ LH ยังเป็นผู้นำด้านกลยุทธ์การพัฒนาที่อยู่อาศัย ทำให้บริษัทเป็นผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมพัฒนาที่อยู่อาศัยมาเป็นเวลายาวนาน โดยเราเชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวจะช่วยให้ LH เป็นผู้นำการฟื้นตัวเมื่อตลาดเริ่มพลิกกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เรายังคงแนะนำ NEUTRAL หุ้น LH เนื่องจากไม่เห็นปัจจัยบวกใหม่ที่จะช่วยผลักดันราคาหุ้นในระยะสั้น ขณะที่ราคาเป้าหมายในปี 2552 อิงวิธี DDM จะลดลงจาก 4.24 บาทเป็น 3.86 บาทหลังเราปรับลดประมาณการกำไร นอกจากนี้ เงินปันผลที่ 0.15 บาทหรือเท่ากับอัตราผลตอบแทน 4.6% ยังไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับคู่แข่ง (AP 10%, LPN 9%, QH 9%, PS 8% และ SPALI 8%) เราจึงชอบ AP และ SPALI มากกว่า

ผลกำไร 4Q51 - อยู่ในช่วงขาลง : เราคาดว่า LH จะรายงานกำไร 788 ล้านบาทใน 4Q51 หรือเพิ่มขึ้น 4.5% YOY แต่ลดลง 8.4% QOQ ซึ่งต่ำกว่าประมาณการเดิมของเราที่ 1.1 พันล้านบาทมาก ทั้งนี้สาเหตุเกิดจากการที่ PRE-SALES ของโครงการแนวราบอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากได้รับผลกระทบจากตลาดที่อยู่อาศัยซึ่งอ่อนตัวลงเพราะวิกฤติเศรษฐกิจโลกและปัญหาทางการเมืองในประเทศ

และนอกจาก PRE-SALES ที่น่าผิดหวังแล้ว อัตรากำไรขั้นต้นของ LH ยังลดลงเพราะสูญเสียประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นของโครงการคอนโดมิเนียมสองโครงการที่เปิดตัวใน 4Q51 และเริ่มโอนกรรมสิทธิ์แล้วคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงที่ 33-34% (THE BANGKOK SATHORN-TAKSIN และ THE ROOM SUKHUMVIT 64)
Monday, December 21, 2009

The night before someone came two groups?

The night before someone came two groups. And I enjoin it. To bring this message to tell the world that works ... ... ...


Before talks substances such stories before the ankle.

The two groups who are friends together since birth. Learning together. What to eat is the same. Habits that are the same.

Day one day he would have started with as rich. While he wants. He was looking out bus window.

Valuable and why people in society to be plenty Look ...

Restaurant people queued together tight. Other days he would be selling นะ. Consume an average 400 baht per table to rotate 300 around 120,000 baht per day. One month's revenue is 3-4 million baht. Would profit very much.

Mercure Apartments are people available to rent all 70 rooms full rent 3,000 Baht. 210,000 baht a month into account is located 4 buildings. One year money-only collector million has been no casual.

Jasmine Rice 5 kg bag now is 200 baht and then buy a few bags left little Baht 1000 Baht. What if several households for both countries. Why this expensive rice. Trade rice one would catch millions of money that each player is indeed.

Why this expensive oil. 4 factors that affect consumers in everyday life. When a higher value. Acceleration ratio becomes increasingly horrifying as people are paid to.

Gold is no exception. Wee line to slacken down car at all. This is a call we can pay tuition to all children.

Comes more news in the newspaper. Okgkin officials. They each project at least 8 core 9-digit core 7. Money in this country actually find each other easily. If you know how.

All the samples show that. Why is it more money and then find a nice simple no. There are many careers that do not mention the rich together as they quietly that only professional. They collect water commission tea. And much more ... ..
Sunday, December 20, 2009

News Summary shares.

The church of a scream around the field. 1 year to offer tax incentives approved by Crm. December. C. This.


"Ns organizations' decision to extend tax incentives for the church of the next 1 year to the end of 2553 Revenue continue to organize a comprehensive package. Be tax deductible business tax only 3 billion baht. 0.1%, and reduce transfer fees, mortgage note rate 0.01% proposed cabinet. Within 1-2 weeks of brokers see a positive impact QH and LH, PS and SPALI prices will increase 9-16%.

PTTEP vertical resistance has returned 144 Parker Monte Tara insurance.

PTTEP shares basic price is good. Should keep this beautiful day technical resistance line 144 baht "Onnts" accelerate Clemens insurance sources Monte Tara gradually to within quarter 4 / 52, but the numbers keep damage confident sales next year, up 10% from this year.

ING also be re Western Division championship RMF maximum 62%.

Blh. ING dominated show 10 months No. 1 Dental Division, RMF "ING Thai capital stock for a living" yield 62.08%, followed by Tisco shares and capital Ayutthaya SET100 a mix of mutual funds. flexibility. "TISCO General property RMF" No. 1 show returns to 64.16%, followed by Krung Thai and mixed-MF C funds to create value.

SPACK signal good chance Strong Dividend 16. Target 3.60 baht.

SPACK girl half dividend of 0.16 baht after the minimum payment during the year was 0.20 baht and 0.36 baht to pay at least 4 quarter revenue growth as high as during NASCAR - orders started to come. Boeing placenta buy recommendation 3.60 baht target.

CCP shows a log backup billion. This Sunday Win purple lines.

CCP shows a log backup on hand this year, nearly 1 billion baht and the construction of condominiums and high street area of Pattaya this Sunday Win the new purple line. Least another 500 million baht, "be watchful" ensure year 2553 sales to grow another 15% after the subsidiary profitability. Combined with lower cost, light brick mass. Problem because loss of production and margins are positive. Boeing cord guide the hedge. Vertical resistance is 1.57-1.60 baht.

IRPC Win a Strong Dividend 12.

IRPC point second half dividend of 0.12 baht after another interim payment and then pay 0.08 baht Reports Q4 revenue beautiful after high petrochemical prices. Since Chinese demand growth. Reiterated full-year revenue target of 1.7-1.8 billion baht this year, pull the results page treatment close this year because not ensure real economic recovery.

GFPT positive earnings jump billion this year. Be purchased for dividend target of 2.50 baht Hathaway purchased 43.75 baht.

GFPT Quarter 4 / 52 profit 362 million baht, up 16% from the previous year and the year overall net profit of 1.04 billion baht, increasing sales - gross margins 17-18% higher chance of high dividend rate is 2.50 baht charged. approximately 8% return on the fan cord Boeing "buy," target price 43.75 baht.

Be accelerated import LPG 1.1 billion tons of oil funds hold 1.5 billion per month.

Total import LPG move 1.1 billion tons of fuel per day funds. Must bear the burden of compensation are imported 1,500 million baht per month. The LPG price in world markets rebounded, surpassing U.S. $ 725 per ton. The amount of fuel also increased.

SC confident Q4 is pretty high end NASCAR. This year, revenues surpassed 4.1 billion sales target of more than 15%.

"SC" beautiful girl Q4 results top this year. Been high during NASCAR - Save Condo "Sukhumvit 64 Port centric" push revenue target this year, up over 4.1 billion baht this year, while sales growth assured. 10-15% of the original target of 4.2 billion baht the year '53 revenue growth targets over 10% before, why is Bush a log waiting more than 1.8 billion baht was preparing to open additional 6-8 Louis statements purchase Project Brings. Land 1-2 billion baht to buy Boeing cord guide the appropriate price 14.78 baht.

News retail share CPALL-MAKRO spiraling inflation.

Retail stock. Was driven by inflation expectations, particularly CPALL-MAKRO increase the price of food has CPALL-HMPRO growth rate of better earnings. Retail trends of '53. Have economic - the surf industry that raised ย. And increasing consumer confidence.

MK crash of '53 prepared Condo market penetration. Break point the first 200 million baht.

"MK" reveal the next year preparing Condo market penetration first. Certainly opened the first zone above the value of 200 million baht, Bangkok expects to open 5 new Q4/53 dressed open projects worth 3 billion baht of sales this year, reiterated last 2.3 billion baht to 2.1 billion baht in revenue this year. appointment as 2.4 billion baht next year, targeting 3 billion baht, growing 25%.

SGP continue to buy "coal mining" Q4 sales improve targeting full-year growth of 15%.

SGP International Studies continue to take over the coal mines. Although mining occurred first. Cause less soil resources. Coal trading business to the beautiful. Sales growth continued talking Quarter 4 / 52 bounced enter the winter plus a range of high-pressure sales NASCAR LPG use in battle of the year earnings growth target to 15%.

SVI guarantee maximum Q4 revenue target this year sales growth of 15% '53.

SVI guarantee revenue 4 / 52 in the highest this year. Expected full-year sales were $ 190 million, while sales target of 10-15% growth '53 out of trouble after shortages of raw materials. Operators to increase capacity Boeing believes cord results of '53. Raised by increasing order guide buy target 2.70 baht.

KIAT half dividend 10 money received 40 million baht Q4 profit up pretty technical site loaded.

Final dividend payment 10 KIAT money welcome Q4 net profit growth of 40 million baht to transport heavy non-stop. As a full-year profit growth to 140 million baht right side cord Boeing technical point along the signal up to a full-fledged site.

AS stimulating online game New Year. Loudly championed Harris 60%.

AS New Year accelerate the online gaming market pressure "12 Sky 2" new game hard way. The company expects revenue to ensure dominating the market and over 60% more than 10 million customers registering revenue of ID to believe better than 20% growth from last year too And Parstenars eye check log. Finished by early next year, certainly has. Louis expansion opening game break new customers.

คลิ๊กเพื่อชม Mini Mp4